set50
หุ้นปันผล 2566

หัวข้อ

หุ้นปันผล 2566

หุ้นปันผล 2566 คือ หุ้นของบริษัทที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนหรือจำนวนหุ้นที่ครอบครองอยู่ ณ ตอนนั้น ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจ่ายปันผลเป็นรายไตรมาส รายหกเดือน หรือรายหนึ่งปี ส่วนเงินปันผลดังกล่าวที่นำมาเฉลี่ยแบ่งจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้นมาจากผลกำไรของบริษัทในรอบปี ซึ่งได้มีการกำหนดสัดส่วนเอาไว้อย่างชัดเจนว่าจะจ่ายเป็นร้อยละเท่าไหร่ของอัตรากำไรสุทธิในปีนั้น ๆ

วิธีการเลือก หุ้นปันผล 2566

หุ้นปันผล 2566 การปันผลเป็นอีกหนึ่งรูปแบบในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจกับบริษัทที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ฉะนั้นเพื่อให้สามารถเลือกหุ้นปันผลได้ดียิ่งขึ้น เราไปดูถึงวิธีการเลือกหุ้นปันผลที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้เลย

1. เลือกหุ้นปันผลจากปัจจัยพื้นฐานและความสามารถในการเติบโตของธุรกิจ

หุ้นปันผลดี 2566 เนื่องจากเงินปันผลมาจากผลกำไรของบริษัท และผลกำไรของบริษัทมาจากผลการดำเนินงานที่เหนือกว่า ดังนั้นจึงควรพิจารณาว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่เราต้องการลงทุนนั้นดีหรือไม่ เพราะมันนำไปสู่ความสามารถในการเติบโต และความสามารถในการเติบโตนำไปสู่ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เช่น หากคุณเลือกหุ้นของบริษัทที่มีทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ความสามารถในการทำงาน และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่เชี่ยวชาญ ก็จะสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทนี้มีโอกาสที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต

2. เลือกหุ้นปันผลจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

ฐานะทางการเงินของบริษัทส่งผลต่อความสามารถในการจ่ายเงินปันผล นี่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เมื่อพิจารณาอัตราส่วนหนี้สินหรืออัตราส่วน D/E (อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน) เราจะพิจารณาว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ระยะสั้นหรือระยะยาว หากบริษัทมีหนี้สินระยะสั้นจำนวนมาก มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะต้องนำกำไรที่ควรจ่ายเป็นเงินปันผลมาชำระหนี้แทน ซึ่งจะส่งผลให้การจ่ายเงินปันผลลดลง หรือในกรณีกำไรสะสมหากบริษัทมีกำไรสะสมติดลบหรือขาดทุนสะสม บริษัทอาจใช้เงินปันผลเพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมแทนกำไรที่ได้รับในระหว่างงวดที่ต้องจ่ายเงินปันผลก็ได้ หุ้นปันผลสูง 10 ปี

3. เลือกหุ้นปันผลจากนโยบายการลงทุนของบริษัท

นี่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของบริษัท การลงทุนที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อบริษัทโดยรวมทำให้บริษัทมีความสามารถในการเติบโตในอนาคตมากขึ้น แต่หากมีการลงทุนมากเกินไปหรือการลงทุนเพิ่มขึ้นก็หมายความว่ากำไรที่ได้รับจะถูกนำไปใช้จ่ายเงินปันผลแทน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุนแทน การดำเนินการนี้จะลดเปอร์เซ็นต์ของกำไรที่เหลืออยู่สำหรับการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น

4. เลือกหุ้นปันผลจากสภาพคล่องในการซื้อขาย

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน เราจะขอยกตัวอย่างว่า สมมุติมีเราพบว่าในอนาคตหุ้นปันผลที่ถืออยู่กำลังจะมีราคาที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และเราต้องการขายออกไป การมีสภาพคล่องที่ต่ำอาจทำให้เราขายได้อย่างล่าช้า หรือจำเป็นต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ผลตอบแทนโดยรวมลดลงหรืออาจขาดทุนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ในการลงทุนในหุ้นปันผล เราควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีสภาพคล่องในการซื้อขาย ซึ่งอาจพิจารณาเลือกหุ้นจาก SET High Dividend 30 Index หรือ ดัชนี SETHD

5. เลือกหุ้นปันผลจากประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ผ่านมา

การมีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่มีความต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จะสามารถบ่งบอกได้ถึงแนวโน้มและเสถียรภาพของบริษัท ซึ่งความสม่ำเสมอในการปันผลเราจะพิจารณาจาก อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการจ่ายเงินผลได้ในทุกปี และลดความเสี่ยงที่เราจะไม่ได้รับเงินปันผลลง

แต่ข้อควรระวังเมื่อศึกษาจากความสามารถในการจ่ายปันผลย้อนหลังคือ ปันผลพิเศษ ที่ทางบริษัทอาจจะมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ หรือกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามา ทำให้มีความสามารถในจ่ายเงินปันผลสูงกว่าอัตราที่กำหนดไว้ในบางปี ซึ่งอาจจะทำให้นักลงทุนสับสนในข้อมูล และลงทุนผิดพลาดได้ หุ้น lh ปันผล 2566

ความผันผวนน้อย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้

ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่สิ่งต่างๆ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและตลาดหุ้นไม่มั่นคง นักลงทุนส่วนใหญ่หันไปหาหุ้นปันผล เป็นหุ้นที่ปลอดภัย (หุ้นป้องกัน) หุ้นกลุ่มนี้จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าส่วนต่างราคา (กำไรจากเงินทุน) จะสูงมากเมื่อลงทุน ทำให้ไม่ได้ผลกำไร นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลดแรงกดดันจากความผันผวนของตลาดหุ้น ซึ่งหมายความว่าตลาดหุ้นมีความผันผวนมากจนเมื่อใดก็ตามที่นักลงทุนกังวล มันจะส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนของพวกเขา พวกเขามักจะระมัดระวังมากขึ้น แนวคิดคือการมองหาหุ้นที่ปลอดภัยในการลงทุน นั่นคือ หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีสม่ำเสมอ

หุ้นปันผลคือหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล โดยปกติจะต้องมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ สมมติว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% เช่น หุ้นที่เข้าข่ายเป็นหุ้นปันผล จะต้องมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 3% ขึ้นไป และต้องสูงกว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยของตลาดหุ้นทั้งหมดด้วย หรือสูงกว่าอัตราเงินปันผลตอบแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ไม่เพียงแต่จะต้องเป็นหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเท่านั้น แต่หากหุ้นเป็นหุ้น Low Beta ความเสี่ยงในการลงทุนก็ลดลงไปอีก เนื่องจากเบต้าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนใช้ในการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น

 


บทความที่เกี่ยวข้อง